Vindictus FanFIC Chapter 2 : A Journey Ahead
May 22, 2014 11:20:43 GMT 7
Post by Muro on May 22, 2014 11:20:43 GMT 7
“เห็นเกาะมาลิน่าแล้ว!”
ลูกเรือที่อยู่บนหอสังเกตุการณ์บนเรือ ได้ตะโกนบอกกับกัปตันของเรือที่คุมเรืออยู่ข้างล่าง
ลานได้เดินไปอยู่หัวเรือและมองไปยังเกาะมาลิน่าที่อยู่ตรงข้างหน้าเขา เกาะมาลิน่าเป็นเกาะที่หมู่บ้านเล็กๆอยู่บนเนินเขาซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่นเกาะแห่งนี้ ทำการประมงและหาของป่า เป็นหลักในการดำรงชีวิต
ในขณะที่เรือกำลังเทียบจอดที่ท่าเรือมาลิน่า ลานได้หยิบสัมภาระของเขาต่างๆสะพายหลังให้เรียบร้อย และกล่าวคำขอบคุณกัปตันเรือ พร้อมกับเดินลงจากเรือ
ภายในท่าเรือมาลิน่าที่วุ่นวาย ซึ่งมีคนเดินพลุกพล่านไปมา ลานรู้สึกสับสนไม่รู้จะไปทางไหน เนื่องจากเขาไม่เคยมาที่เกาะมาลิน่าเลย ลานจึงตัดสินใจเดินเข้าไปบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากท่าเรือเล็กน้อย เมื่อลานเดินไปถึงเขาได้เห็นป้ายว่า “สมาคมล่าสมบัติ” (Coffer Chaser Guild) ลานรู้สึกได้ว่ามาถูกที่ ที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลแห่งความทรงจำ
ลานจึงเปิดประตูเข้าไปในบ้านหลังนั้น เขาได้พบกับเลขานุการประจำสมาคม “เอสซิ่ล”
“ไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย มีธุระอะไรกับทางสมาคมรึเปล่าคะ?” เอสซิ่ลกล่าวถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ออ ครับ ผมมาที่เกาะนี้ครั้งแรกไม่ทราบว่าทางสมาคมรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับคริสตัลแห่งความทรงจำบ้างครับ”...ลาน
เอสซิ่ลทำหน้างง กับคำถาม และตอบว่า “ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคริสตัลอะไรแบบนั้นด้วยหรอคะ?”
และก็มีคนพูดเสียงดังมาจากด้านหลังของห้อง “ไปถามอะไรกับยัยสี่ตานั่นเล่า หล่อนจะไปรู้เรื่องอะไร”
ลานได้หันไปมองหาต้นทางของเสียงว่ามาจากใคร
“วันๆหล่อนก็เอาแต่เขียนอะไรก็ไม่รู้บนกระดาษ ไม่ได้ออกไปล่าสมบัติจริงๆ คงจะรู้อยู่หรอก”
เอสซิ่ลก็สวนกลับ “ที่ฉันเขียนก็คือบันทึกรายได้ รายจ่ายวันต่อวัน เพื่อให้สมาคมอยู่ได้ไง ตาแก่!”
“เออ เรียกตาแก่ก็ดี งั้นไปเขียนที่อื่นละกันผู้ใหญ่จะคุยกันตรงนี้” ทริสทันตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ
เอสซิ่ลก็ทำหน้าหงิก รีบหยิบสมุดบันทึกกอดไว้ เดินไปทางประตูหลังของสมาคม พร้อมกับหันหลังแล้วพูดว่า
“ตาแก่บ้า” พร้อมกับแลบลิ้นใส่ ทริสทัน และเดินออกทางประตูหลังสมาคมไป
“ยัยนี่กวนประสาทเป็นบ้าเลย ฮ่าฮ่า แต่ไม่มีหล่อนที่นี่คงจะขาดสีสัน” ทริสทันได้พูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
จากนั้นได้หันความสนใจมาที่ลาน และกล่าวคำทักทายลานอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดี ฉันชื่อ ทริสทัน และนี่คือสมาคมล่าสมบัติของฉัน แล้วนายชื่อ...?”
“ลาน ผมชื่อลาน” ลานตอบกลับ
“ถ้านายอยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลนายคงไปหานักล่าสมัติขาประจำเกาะนี้แล้วหละ ตอนนี้น่าจะอยู่บาร์ในตัวหมู่บ้านหนะ”
“ขอบคุณครับ แล้วไม่ทราบว่าเขามีชื่อว่าอะไรหรอครับ?”
“เวลล่า แต่อย่าหวังว่าจะได้คุยกับหล่อนดีๆหรอกนะ” ทริสทันตอบพร้อมกับเดินมาส่งลานที่ประตูหน้าสมาคม
หลังจากลานได้ออกมาจากสมาคม เขาได้เดินขึ้นเนินเขาเพื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน ลานได้มองหาบาร์ประจำหมู่บ้าน และได้เดินไปที่บาร์ทันทีที่เขาเห็นป้ายแขวนอยู่หน้าร้าน
เมื่อได้เดินเข้าไปในบาร์ที่ทุกคนกำลังกิน ดื่ม และพูดคุยกันเสียงดัง
ลานได้ถามลอยๆขึ้นมา “ไม่ทราบว่ามีคนชื่อเวลล่าอยู่ที่นี่มั้ยครับ” ทันใดนั้นทุกคนในบาร์ได้หยุดการกระทำทุกอย่างและหันมาจ้องมองที่ลาน ลานได้ยืนนิ่งและมองซ้ายมองขวา ราวกับว่าตนเองทำอะไรผิดไป จากนั้นผู้ดูแลบาร์ได้เดินเขามาดึงแขนลานเข้ามาเพื่อมาคุยที่เคาเตอร์เครื่องดื่ม และบรรยากาศในบาร์ก็ได้กลับไปสู่สภาพปกติ
“ผู้คนที่นี่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเวลล่าเท่าไหร่”
“ทำไมหรอครับ?” ลานกระซิบถามด้วยความสงสัย
“พ่อของเธอเป็นโจรสลัดคอยปล้นสะดมในน่านน้ำมาลิน่า และทุกคนต่างมองเธอว่าเชื้อโจรสลัดอยู่ในสายเลือดของหล่อน ถ้าต้องการจะคุยกับเวลล่า เธอจะนั่งอยู่ที่มุมสุดของบาร์ที่ประจำของเธอ”
ลานได้กล่าวขอบคุณ ผู้ดูแลบาร์ และเดินเข้าไปตรงโต๊ะที่เวลล่านั่งอยู่
เมื่อลานได้เดินไปถึงที่โต๊ะ เวลล่ากำลังดื่มเครื่องดื่มโปรดของเธอ เบียร์หวาน พร้อม กับมืออีกข้างหนึ่งได้ถือลูกแอปเปิ้ลไว้ เวลล่าได้มองหน้าลานและพูดว่า
“ไปให้พ้น เจ้าหน้าหวานฉันจ่ายเงินแล้วนะ”
ลานได้มองสำรวจเกราะที่เวลล่าได้สวมใส่ ทุกชิ้นล้วนเป็นเสื้อเกราะรัดรูป ซึ่งดูลักษณะน่าจะทำให้คล่องตัวมากกว่าเกราะหนัก
“ถ้านายจะยังยืนจ้องฉันอยู่อย่างงั้น ฉันถือว่าเสียมารยาทนะ อย่างน้อยถ้าจะคุยกับฉัน ก็สั่งอะไรมาดื่มด้วยกัน อย่าทำตัวน่าเบื่อนักสิ”
ลานจึงได้หันไปสั่งเครื่องดื่ม“ขอนมแก้วนึงครับ”
ทันทีที่ เวลล่าได้ยินลานสั่งเครื่องดื่ม เธอได้หลุดหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ นายนี่ติ๋มจังเลยนะ มาบาร์ทั้งที่มากินนม แปลกดีแหะ นายนี่น่าสนใจนะ”
ลานได้ยิ้มตอบเวลล่าและนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเวลล่า พร้อมกับถาม “ผมรู้มาว่า คุณเป็นคนที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลแห่งความทรงจำ คุณสามารถบอกอะไรผมได้มั่งครับ”
“อีตาแก่ที่สมาคมบอกให้มาหาฉันสินะ” เวลล่าพูดแล้วยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าเกิดฉันบอกว่าฉันรู้เกี่ยวกับเยอะเลยหละ และ ฉันสามารถช่วยพานายไปหามันได้ นายจะตอบแทนอะไรฉันได้บ้างหละ?”
“ทุกอย่างที่เป็นของมีค่าจากการเดินทางครั้งนี้จะเป็นของคุณทั้งหมด ผมต้องการเพียงแค่คริสตัลเม็ดนั้น” ...ลาน
เวลล่าทำสีหน้าเบื่อหน่าย “เห้อ! มีแต่ค่าตอบแทนเงินๆทองๆอีกแล้ว”
ลานงงกับคำตอบของเวลล่า พร้อมกับรับแก้วนมจากผู้ดูแลบาร์นำมาเสริ์ฟให้ที่โต๊ะ
เวลล่าอธิบายต่อ “มันจะไปสนุกอะไรถ้าเกิดว่า ค่าตอบแทนของฉันก็เหมือนทุกๆงานที่ฉันทำ”
“ฉันขอแบ่งกับนายแค่ 50/50 ก็พอ แต่สิ่งที่ฉันต้องการจากนายคือ อะไรดลใจให้นายถึงต้องไปตามหา คริสตัลเม็ดนี้กันแน่”...เวลล่า
ลานได้ถอนหายใจ และ ได้เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาให้กับเวลล่าฟัง และระหว่างเวลล่ากำลังฟังเรื่องราวของลาน สีหน้าของเวลล่าได้เปลี่ยนไป ทันทีที่ลานเล่าจบ เขาได้ยื่นรูปของทีฟให้กับเธอ เวลล่าได้มองรูปนั้นสักครู่เงยหน้าขึ้นและพูดกับลานว่า
“ผู้หญิงคนนี้คงมีความสำคัญกับนายมากเลยสินะ”
ลานได้พยักหน้าตอบ
เวลล่าได้เอามือตบโต๊ะและพูด “นี่แหละที่สิ่งฉันต้องการ! สิ่งที่มีมูลค่ามากกว่าเงินทองทั้งหลายในโลก มิตรภาพ!”
จากนั้นเวลล่าได้ยกแก้วเบียร์ของเธอ มาตรงหน้าลานและพูดว่า “คู่หู?”
ลานได้หยิบแก้วของเขาแล้วชนแก้วกับเวลล่าแล้วตอบว่า “คู่หู”
“เราเริ่มออกเดินทางกันพรุ่งนี้ต้อนเช้าเลย” เวลล่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แต่ผมยังไม่มีที่พักเลย เวลล่า” ลานพูดด้วยความกังวล
“งั้นคงต้องนอนที่บาร์แล้วแหละ ที่นอนมีเยอะแยะเลย และ คนที่โรงแรมคงนอนกันหมดแล้วด้วย ดึกขนาดนี้”…เวลล่า
“ผู้ดูแลบาร์จะไม่ว่าหรอ?” ลานถาม
“ไม่เป็นไรหรอกฉันนอนที่นี่ออกจะบ่อย ยังไม่เห็นจะไล่ฉันเลย” เวลล่าตอบ
“ที่ฉันไม่ไล่ เพราะฉันขี้เกียจจะไล่แล้ว” ผู้ดูแลบาร์พูดกลับระหว่างเดินมาทำความสะอาดโต๊ะข้างๆ
“แหม่ๆ ไม่เอาน่าซีโมน อย่าใจร้ายกับหนุ่มหน้าใหม่ ในหมู่บ้านสิ” เวลล่าตอบกลับ
“ฉันพูดถึงเธอ ตางหากเวลล่า หนุ่มคนนี้พักที่นี่ได้เพราะเขามีความจำเป็น” ...ซีโมน
ซีโมนได้เดินมาพร้อมกับผ้าห่มยืนให้กับลาน “เธอหาที่นอนเอาละกันนะ สำหรับเวลล่าไม่ต้องห่วงหล่อนหรอก”
“ขอบคุณครับ” ลานกล่าวพร้อมกับรับผ้าห่มจากซีโมน
หลังจากนั้นทั้งเวลล่าและลานได้คุยกันพักใหญ่ก่อนที่ลานจะขอตัวไปนอน เวลล่าได้มองลานที่กำลังจัดที่นอน พร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะ เธอรู้สึกได้ว่าจะมีการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้าแน่นอน.....