Vindictus FanFIC : The last page of the Hero’s diary
Dec 5, 2013 23:35:11 GMT 7
Post by Muro on Dec 5, 2013 23:35:11 GMT 7
Vindictus FanFIC : The last page of the Hero’s diary
คำเตือน!!! คนที่ยังเล่นเนื้อเรื่องไม่จบ จะเป็นการสปอยเต็มๆเลยนะครับ
***เนื้อเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการแต่ง Spin off Story นะครับ***
+++เปิดเพลงไปพร้อมกับอ่านไปนะครับ+++
คำเตือน!!! คนที่ยังเล่นเนื้อเรื่องไม่จบ จะเป็นการสปอยเต็มๆเลยนะครับ
***เนื้อเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการแต่ง Spin off Story นะครับ***
+++เปิดเพลงไปพร้อมกับอ่านไปนะครับ+++
เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้ “โชคชะตา และ พรหมลิขิต” (Fate And Destiny)
รุ่งอรุณของวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ณ หมู่บ้าน โคลเฮน อันสงบเงียบ แสงแดดได้ส่องเข้าผ่านหน้าต่างโรงแรมประจำหมู่บ้าน ลาน ได้ตื่นขึ้น ถึงแม้เขาไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีก ความรู้สึกอันเจ็บปวดในใจของเขาไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ลานได้หลับตาลงและนอนคิดอยู่บนเตียงเพื่อรวบรวมความคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต, ความทรงจำต่างๆได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา สหาย ศัตรู ต่างทยอยปรากฏขึ้นมา
“ฉันเชื่อใจพวกทหารรับจ้างเหล่านี้มากกว่าพวกทหารชั้นสูงอย่างแกด้วยซ้ำ”...อิงเคล
“ฉันเชื่อมั่นในตัวนาย, นายสมควรที่จะได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้” ...กวิน
“เราจะต่อสู้กันไปเพื่ออะไร ในเมื่อเราปรารถณาสิ่งเดียวกัน” ...ชาคาร์
“ฉันยอมที่จะให้ทั้งโลกพังทลาย แทนที่จะต้องเสียเธอไป”...คีแกน
“ทั้งฉันและคีแกน ขอขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีจากเธอนะ ลาน”...ทีฟ
ลานได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และเหลือบมองด้านขวาของเขา ได้มีรูปของหญิงสาวผมสีทองตั้งอยู่ เขาได้จ้องมองภาพนั้นด้วยจิตใจที่ล่องลอยนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวคนนั้น...
"จ้องอะไรของคุณ?" บรินกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย ขณะที่ลานได้จ้องรูปภาพของทีฟที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาอย่างไม่ละสายตา บรินได้หันไปมองที่รูปภาพ และ เกิดความสงสัย
“หญิงสาวในรูปคนนี้เป็นใคร? ผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อนในชีวิต คุณรู้จักเธอหรอ?”
ลานได้แต่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป บรินจึงรีบหยิบรูปยื่นให้กับลาน
"ถ้าอยากได้ก็เอาไป และออกไปจากที่นี่ซะ ผมงานยุ่ง อย่าทำให้ผมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้"
ลานรับรูปจากมือบริน กล่าวขอโทษและเดินออกจากห้องทดลองไปอย่างเงียบๆ
คนแรก "กัปตันอ๊อดฮาน" ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของค่ายทหารรับจ้าง
คนที่สอง "ซีเอร่า" ทหารรับจ้างหญิงที่เป็นผู้สอนเทคนิดการต่อสู้ให้กับเหล่าทหาร
คนที่สาม "กาแลกเกอร์" ทหารรับจ้างชายที่ถือเงินเป็นอุดมคติ
"ยินดีต้อนรับสู่ค่ายทหารรับจ้าง ลาน..." อ็อดฮาน กล่าวต้อนรับลานอย่างอบอุ่น
"ดูเผินๆ เหมือนเธอจะมีประสบการณ์ในการสู้รบมาพอสมควรเหมือนกันนะ" ซีเอร่ากล่าวหลังจากได้สำรวจตัวลานหัวจรดเท้า
"โถ... ซีเอร่า เธอมีพลังจิตรึไง ถึงได้รู้ว่าเจ้าหน้าละอ่อนเนี่ยมีฝีมือ ฉันเห็นมาเยอะแล้วพวกแบบนี้ แต่งตัวทำท่าเป็นมืออาชีพ แต่ถ้าให้ไปเจอของจริงหละวิ่งหนีจนทิ้งคราบทหารกันหมด" กาแลกเกอร์พูดถากถางอย่างไม่เกรงใจ
ซีเอร่าตอบโต้กลับทันทีด้วยเสียงที่โมโห "อย่างกับนายมีฝีมือมากอย่างงั้นแหละ! และยิ่งชอบหลอกใช้ทหารใหม่เพื่อทำงานสกปรกของนายเพื่อให้ได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ฉันไม่ต้องการจะฟังความเห็นจากคนอย่างนายหรอก!"
"อย่าง อย่าง น้อยฉันยังเก่ง...กว่าเจ้าหน้าละอ่อนนี่ละกัน" กาแลกเกอร์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ ติดๆขัดๆ
อ็อดฮานเอามือกุมหน้าผาก บอกกับลานว่า
"อย่าไปสนใจมากเลย ทะเลาะกันประจำ แต่เอาจริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก"
หลังจากนั้น มาแร็คได้เดินตามหลังเข้ามาและเห็นว่า ซีเอร่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจึงเข้าไปถาม ซีเอร่าว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ซีเอร่าได้บอกให้มาแร็คฟัง มาแร็คจึงตัดสินใจพาเธอออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ซีเอร่าไม่ยอมและบอกมาแร็คว่า "ไม่เป็นไร" ด้วยน้ำเสียงฮ้วนๆ ทั้งคู่ต่างยื้อกันไปมาอยู่ซักพัก จนสุดท้าย ซีเอร่า ยอมออกไปกับมาแร็ค ทั้งคู่เดินสวนกับลานออกไปนอกค่ายด้วยกัน ลานยิ้มให้กับซีเอร่า เพราะเขายังจำได้ว่าก่อนที่ทุกคนจะถูกลบความจำนั้น ซีเอร่าได้แอบชอบมาแร็คมาตั้งนานแล้ว
อ็อดฮานได้ถามลานด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น "พร้อมรึยังสำหรับการทดสอบคัดเลือก?"
ลานได้ตอบปฏิเสธกลับไป
"อันที่จริงผมมาที่นี่ไม่ได้เพื่อต้องการจะเป็นทหารรับจ้าง ผมสู้มามากพอแล้วในชีวิตนี้ ผมมาที่นี่เพื่อจะถามคุณว่าคำพยากรณ์ฝ่ายมนุษย์ได้กล่าวไว้ว่าอย่างไร?"
อ๊อดฮานทำหน้าประหลาดใจกับคำตอบของลาน และได้ตอบกลับไป
"เราจะต้องฆ่าเผ่าฟอโมเรี่ยนให้หมดสิ้นเพื่อที่เทพอีรินจะได้เสด็จลงมาเพื่อพาเราไปยังดินแดนที่ ไร้ซึ่งความทุกข์ และความเศร้าโศก"
ลานได้อึ้งไปซักพัก พร้อมกับสีหน้าที่ผิดหวังได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลานและเกิดความสับสนในหัวของเขา
"ทุกอย่างที่เราทำลงไป มิตรสหายที่ต้องตายไป ทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว"
ลานได้ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ติดกับโต๊ะเอกสาร และมองบนโต๊ะที่มีเอกสารกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ลานได้เห็นตรายางสัญลักษณ์ของทหารราชวงศ์ ทำให้เขาได้นึกถึง กวิน ทหารราชวงศ์ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาอีกคนหนึ่ง
"ฮ่า! แค่ได้ยินคำทำนายเรื่องฆ่าฟันถึงกับเข่าอ่อนเลยเรอะ ไอ้หนู?" กาแลกเกอร์พูดโดยที่ยืนค่อมหัวลานอยู่
ลานได้เงยหน้าและจ้องมองกาแลกเกอร์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ และระหว่างนั้นทั้งมาแร็คและซีเอร่าได้เดินกลับเข้ามาในค่ายพอดี
"มีปัญหาหรอไอ้หนู? อยากลองดีกับฉันเหรอ?" กาแลเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ใจ ลานถอนหายใจและลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินออกจากค่ายทหารรับจ้าง แต่กาแลเกอร์ก็ยังไม่วายที่จะพูดจาถากถางต่อ
"นั่นแหละไอ้หนู กลับบ้านไปซะ! ชีวิตนี้แกปกป้องใครไม่ได้หรอก!"
คำพูดเหล่านั้นได้เสียดแทงหัวใจของลานอย่างที่สุด และลานได้ตัดสินใจว่าเขาจะไม่ทนต่อคำดูถูกเหล่านั้นอีกต่อไป
ลานได้หันหลังกลับมาทางที่กาแลกเกอร์ยืนอยู่ และได้พุ่งตัวเข้าไปหากาแลกเกอร์ด้วยความรวดเร็ว บีบคอกาแลกเกอร์อย่างสุดแรงและอัดเข้ากับผนังห้อง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง อ๊อดฮาน มาแร็คและซีเอร่า ต่างตกใจกับการกระทำของลาน ณ ตอนนั้น
เมื่ออ๊อดฮานตั้งสติได้จึงได้เข้าไปห้ามปรามลานแต่ก็ไม่เป็นผล กาแลกเกอร์ยังคงดิ้นทุรนทุรายราวกับจะขาดใจตายคามือของลาน มาแร็คจึงตัดสินใจงัดตัวลานดึงถอยหลังออกมา กาแลกเกอร์ได้สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกับงอตัวอยู่กับพื้นค่าย
อ๊อดฮานได้ต่อว่าลาน
“ช่วยสงบสติหน่อยได้มั้ยลาน! ทุกการกระทำมีผลกระทบทั้งนั้น! อย่าให้ความโกรธครอบงำไม่งั้นนายจะไม่ต่างอะไรจากพวก “ฟอมอเรียน” หรอก!”
“ถ้าเกิดอยากจะสะสางกันมากนักให้ทำการประลองกันดีกว่ามั้ง” ซีเอร่าได้กล่าวด้วยน้ำเสียงยุยง
“ได้! งั้นผมจะประลองกับกาแลกเกอร์ที่สนามประลองในวันพรุ่งนี้” ลานได้ตอบอย่างขึงขัง
หลังจากที่กาแลกเกอร์ขึ้นมายืนได้เป็นปกติได้ชี้หน้า และ บอกกับลานว่า “ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ตั้งตัว ถ้าประลองกันแกเสร็จฉันแน่ไอ้หนู!”
ลานได้เดินออกจากค่ายทันที และเดินกลับไปที่โรงแรมเมื่อเขาได้เปิดประตูเข้ามาในโรงแรมลานได้พบกับ “เอินแมส” ผู้ดูแลโรงแรมที่เขาพักอยู่
“สวัสดีพ่อหนุ่ม หิวมั้ย นี่ก็จะค่ำแล้วนะจะอะไรทานก่อนมั้ย?”
ลานตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่ค่อยหิวครับ”
“อ่า...หรอ อ้อมีจดหมายมาถึงเธอตอนที่เธอไม่อยู่นะ ลุงได้วางไว้บนโต๊ะในห้องของเธอนะ” ...เอินแมส
“ขอบคุณครับ” ลานได้ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า และเดินขึ้นห้องของตนเองไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ลานได้เดินไปที่โต๊ะในห้องของเขาและหยิบจดหมายซองที่วางอยู่และดูที่จ่าหน้าซองปรากฏว่าไม่มีชื่อผู้ส่ง มีเพียงคำเขียนที่ข้างหน้าซองว่า “ลาน” เพียงคำเดียวเท่านั้น
ลานได้นั่งลงพร้อมกับเร่งไฟในตะเกียงบนโต๊ะ และได้เปิดซองออกเพื่อนอ่านข้อความในจดหมายฉบับนั้น สิ่งที่ลานสังเกตุได้อย่างแรกในจดหมายฉบับนี้คือ จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนด้วยลายมือของ “ทีฟ” ถึงแม้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถโกหกตัวเขาเองได้กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ลานได้ค่อยๆอ่านข้อความในจดหมายอย่างช้าๆ
“ลาน... สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนถูกกำหนดโดยโชคชะตาและพรหมลิขิต เธอไม่สามารถแก้ไขอะไรอดีตได้ แต่เธอสามาถกำหนดอนาคตเองได้ เพราะฉะนั้นจงก้าวต่อไป ได้โปรดใช้ชีวิตต่อไปอย่างน้อยเพื่อฉันและคีแกน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ลาน และซักวันเราจะได้พบกัน...ทีฟ”
เมื่อลานได้อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ น้ำตาได้ค่อยๆไหลลงออกจากตาลงไปยังที่แก้มของเขา พร้อมกับมีความหวังที่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พบทีฟและคีแกนอีกครั้งหนึ่ง
ลานจึงรีบลุกออกจากโต๊ะ เดินออกจากห้องและได้เดินเข้าไปในห้องเก็บหนังสือประจำของทีฟในโรงแรมเขาได้เริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับเครื่องรางและเวทย์มนต์อยู่ทั้งคืน และได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับ “คริสตัลแห่งความทรงจำ” คริสตัลที่สามารถคืนความทรงจำที่ได้ลืมไปให้กับใครก็ตามที่ได้ถือและจ้องที่คริสตัลเม็ดนี้ หลังจากลานได้อ่านถึงคุณสมบัติของเครื่องรางชิ้นนี้ ลานจึงมีความหวังว่าสามารถใช้เครื่องรางชิ้นนี้เรียกความทรงจำของทีฟและคีแกนกลับมาได้ แต่เขาไม่รู้ถึงที่มาหรือข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลชนิดนี้เลย ลานจึงนั่งคิดอยู่สักครู่ว่าเขาควรจะถามข้อมูลนี้จากใคร และไม่นานลานก็นึกออกว่าเขาสามารถถามใครได้ที่มีความสนใจในสิ่งของที่มีมูลค่า... “กาแลกเกอร์” นั่นเอง
จากนั้นลานได้พูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอา แกตายหรอก เพราะฉันยังต้องการข้อมูลจากแก”
“ข้อมูลอะไรฉันไม่บอกแกหรอกเว้ย” กาแลกเกอร์ตอบกลับพร้อมกับทรงตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง
กาแลกเกอร์ได้ตัดสินใจฟันสวนเข้าไประหว่างที่ลานกำลังปั่นเข้าหาตัวเขา และทำให้กาแลกเกอร์โดนหอกไม้ฟาดเข้าตรงจุดสำคัญของส่วนท้องเข้าอย่างจัง และลานได้ใช้การโจมตีที่เร็วราวกับสายฟ้าต่อเนื่องจากการโจมตีเข้าจุดสำคัญ กาแลกเกอร์ได้ลอยกระเด็นถอยหลังและลงไปนอนจุกอยู่กับพื้น
ลานได้โยนหอกไม้ของเขาทิ้ง เดินเข้าฉกคอเสื้อแกแลกเกอร์ ต่อยหน้าซ้ำอย่างจัง และถามกาแลกเกอร์อีกครั้ง
“บอกมาซะ คริสตัลแห่งความทรงจำแกรู้อะไรบ้าง!” …ลาน
“แหมๆ มันติดอยู่ที่ปลายลิ้นนี่แหละ บอกไม่ได้...” กาแลกเกอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กวนๆ
ลานได้หมดความอดทนต่อคำพูดของกาแลกเกอร์ จึงได้ชักกริชที่ซ่อนอยู่ในเข็มขัดด้านหลังของเขาออกมาพร้อมกับบีบแก้มของกาแลกเกอร์เพื่อให้อ้าปาก และพูดว่า
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยเอาออกให้”
ด้วยความกลัวกาแลกเกอร์พยายามที่จะดิ้นเอาตัวหนีออกมา แต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะสู้ลานได้ ลานได้กรีดกริชลงบนที่หมวกป้องกันของกาแลกเกอร์อย่างช้าๆ และถามเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันรู้แค่นี้แหละปล่อยฉันไปเถอะ!” กาแลกเกอร์พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
ลานพอใจกับข้อมูลที่ได้จากกาแลกเกอร์ เขาจึงปล่อยกาแลกเกอร์ให้นอนอยู่กับพื้นลานประลองอยู่อย่างนั้น และเดินออกจากลานประลองพร้อมกับชัยชนะ
ลานได้เดินทางกลับมาถึงที่โรงแรม และ รีบกลับขึ้นห้องของเขาไปเพื่อจัดของเตรียมออกเดินทาง จนไม่ทันได้ทักทายใครเลย ในคืนนั้นเขาได้หยิบหนังสือบันทึกเรื่องราวที่เขาคอยเขียนทุกครั้งที่เขากลับถึงห้องขึ้นมาอ่านว่าเขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง และเมื่อถึงหน้าสุดท้ายที่ได้เคยเขียนไว้ เขาได้พลิกไปยังหน้าสุดท้ายของหนังสือและลงบันทึกไว้ว่า
“ฉันจะก้าวต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะตอนนี้ฉันได้มีจุดหมายที่จะทำให้ฉันสู้ต่อไปได้อีกครั้งหนึ่ง”
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ลานได้เดินลงมาพร้อมกับสัมภาระแบกไว้ที่ข้างหลังของเขา ในมือได้ถือหนังสือบันทึกของเขา เมื่อเซียนน่าได้เห็นลานแบกสัมภาระของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้หายไปพร้อมกับถามกับลานว่า “เธอจะไปไหนหรอลาน?”
“ผมจะออกเดินทางไปที่เกาะมาลีน่า ผมจะไปช่วยเหลือเพื่อนคนสำคัญของผม” ...ลานตอบพร้อมกับยื่นหนังสือบันทึกของเขาให้กับเซียนน่า
“ผมรบกวน คุณเซียนน่า ช่วยเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ที่ห้องเก็บหนังสือด้วยนะครับ เผื่อจะมีใครบางคนอยากที่จะอ่านมันหนะครับ”
เซียนน่า ยิ้มตอบ รับหนังสือบันทึกจากลานและกล่าวคำอำลา “โชคดีนะลาน”
ลานกล่าวขอบคุณและเดินออกจากโรงแรมและเดินไปที่ท่าเรือเพื่อที่จะขึ้นเรือไปยังเกาะมาลีน่า
“คุณต้องการจะไปที่ไหนครับ?” …กัปตันเรือถาม
“ไปที่เกาะมาลิน่าครับ” ...ลาน
“พอดีเลย เรากำลังจะออกเรือใน 5 นาที” …กัปตันเรือตอบ
ลานได้จ่ายเงินให้กับกัปตัน, เดินขึ้นเรือ และ วางสัมภาระของเขาลง ในระหว่างนั้นเรือได้เริ่มแล่นออกจากท่าเรือของหมู่บ้านโคลเฮนและมุ่งหน้าไปยังเกาะมาลีน่า ลานได้ยืนอยู่ที่หัวเรือ และได้หยิบรูปของทีฟขึ้นมาดู
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน...อันตรายแค่ไหน...แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน ยังไงฉันจะช่วยพวกเธอทั้ง 2 คนให้ได้ ทีฟ...คีแกน...” ...ลาน
“ฉันเชื่อใจพวกทหารรับจ้างเหล่านี้มากกว่าพวกทหารชั้นสูงอย่างแกด้วยซ้ำ”...อิงเคล
“ฉันเชื่อมั่นในตัวนาย, นายสมควรที่จะได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้” ...กวิน
“เราจะต่อสู้กันไปเพื่ออะไร ในเมื่อเราปรารถณาสิ่งเดียวกัน” ...ชาคาร์
“ฉันยอมที่จะให้ทั้งโลกพังทลาย แทนที่จะต้องเสียเธอไป”...คีแกน
“ทั้งฉันและคีแกน ขอขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีจากเธอนะ ลาน”...ทีฟ
ลานได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และเหลือบมองด้านขวาของเขา ได้มีรูปของหญิงสาวผมสีทองตั้งอยู่ เขาได้จ้องมองภาพนั้นด้วยจิตใจที่ล่องลอยนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวคนนั้น...
ภาพแห่งความทรงจำ ณ ห้องทดลองเวทย์มนต์ ได้เข้ามาในหัวของลานทันที
"จ้องอะไรของคุณ?" บรินกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย ขณะที่ลานได้จ้องรูปภาพของทีฟที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาอย่างไม่ละสายตา บรินได้หันไปมองที่รูปภาพ และ เกิดความสงสัย
“หญิงสาวในรูปคนนี้เป็นใคร? ผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อนในชีวิต คุณรู้จักเธอหรอ?”
ลานได้แต่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป บรินจึงรีบหยิบรูปยื่นให้กับลาน
"ถ้าอยากได้ก็เอาไป และออกไปจากที่นี่ซะ ผมงานยุ่ง อย่าทำให้ผมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้"
ลานรับรูปจากมือบริน กล่าวขอโทษและเดินออกจากห้องทดลองไปอย่างเงียบๆ
ลานได้เอื้อมไปหยิบรูปของทีฟขึ้นมาระหว่างที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืนจากเตียงและได้พูดกับตัวเอง
"แม้ว่าเธอจะถูกมอริแกนพรากไป ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ ทีฟ..."
ทันใดนั้น ก๊อกๆๆ! เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น พร้อมกับเสียงผู้หญิงคนหนึ่งได้เรียกเขา
"ลาน! รีบๆเตรียมตัวเร็วเข้า วันนี้เป็นวันรายงานตัวของทหารรับจ้างนะ! ถ้าเธอไปสายเธอจะโดนเล่นงานนะ"
ลานจึงตอบไปอย่างสุภาพ "ครับ เดี๋ยวผมตามลงไปข้างล่าง"
ลานจึงวางรูปลงที่เดิมและจัดการเตรียมตัวเพื่อไปรายงานตัวที่ ค่ายทหารรับจ้าง หลังจากเตรียมตัวเสร็จลานได้เดินลงบันไดไปชั้นล่างของโรงแรมพบกับหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งที่กำลังรอเขาอยู่
เธอได้ใส่ชุดของผู้พยากรณ์และมีสีผมที่ดำสนิท เธอมีชื่อว่า "เซียนน่า" เมื่อเธอเห็นลาน เธอได้รีบเดินเข้าไปจูงมือพาลานออกไปทางด้านนอกโรงแรม และบอกทางไปค่ายแก่เขา ลานได้พยักหน้ารับคำแนะนำของเซียนน่าตามมารยาท ทั้งๆที่เขารู้เส้นทางในหมู่บ้านอย่างทะลุปรุโปร่ง รวมไปถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ดีกว่าใคร...
เมื่อลานเดินมาถึงทางเข้าหน้าค่าย เขาได้มอบดูรอบๆตัวเขาซึ่งเต็มไปด้วยทหารรับจ้างหน้าใหม่เพื่อมาทำการเข้าฝึกที่ค่ายแห่งนี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นฮึกเหิม กระหายที่จะแสดงฝีมือของตนออกมา ในทางกลับกันลานได้ยืนกอดอก ยืนรออยู่ด้านหลังของกลุ่ม รอให้ถึงเวลาที่จะมีคนขานชื่อของเขา เวลาได้ผ่านไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง เหล่าทหารรับรับจ้างหน้าใหม่ที่รอเรียกตัวเหมือนกับลานเริ่มบางตาลง บางคนผ่านการทดสอบและได้รับการคัดเลือกเป็นทหารประจำค่าย บางคนได้รับบาดเจ็บและเดินกลับบ้านพร้อมกับบาดแผลตามตัว แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อลานเลยแม้แต่นิดเดียว ลานยังคงรอให้ถึงตาของเขาต่อไป
และในที่สุด "ลาน!" ชื่อของเขาถูกขานขึ้นโดย มาแร็ค ทหารประจำค่าย
"แม้ว่าเธอจะถูกมอริแกนพรากไป ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ ทีฟ..."
ทันใดนั้น ก๊อกๆๆ! เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น พร้อมกับเสียงผู้หญิงคนหนึ่งได้เรียกเขา
"ลาน! รีบๆเตรียมตัวเร็วเข้า วันนี้เป็นวันรายงานตัวของทหารรับจ้างนะ! ถ้าเธอไปสายเธอจะโดนเล่นงานนะ"
ลานจึงตอบไปอย่างสุภาพ "ครับ เดี๋ยวผมตามลงไปข้างล่าง"
ลานจึงวางรูปลงที่เดิมและจัดการเตรียมตัวเพื่อไปรายงานตัวที่ ค่ายทหารรับจ้าง หลังจากเตรียมตัวเสร็จลานได้เดินลงบันไดไปชั้นล่างของโรงแรมพบกับหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งที่กำลังรอเขาอยู่
เธอได้ใส่ชุดของผู้พยากรณ์และมีสีผมที่ดำสนิท เธอมีชื่อว่า "เซียนน่า" เมื่อเธอเห็นลาน เธอได้รีบเดินเข้าไปจูงมือพาลานออกไปทางด้านนอกโรงแรม และบอกทางไปค่ายแก่เขา ลานได้พยักหน้ารับคำแนะนำของเซียนน่าตามมารยาท ทั้งๆที่เขารู้เส้นทางในหมู่บ้านอย่างทะลุปรุโปร่ง รวมไปถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ดีกว่าใคร...
เมื่อลานเดินมาถึงทางเข้าหน้าค่าย เขาได้มอบดูรอบๆตัวเขาซึ่งเต็มไปด้วยทหารรับจ้างหน้าใหม่เพื่อมาทำการเข้าฝึกที่ค่ายแห่งนี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นฮึกเหิม กระหายที่จะแสดงฝีมือของตนออกมา ในทางกลับกันลานได้ยืนกอดอก ยืนรออยู่ด้านหลังของกลุ่ม รอให้ถึงเวลาที่จะมีคนขานชื่อของเขา เวลาได้ผ่านไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง เหล่าทหารรับรับจ้างหน้าใหม่ที่รอเรียกตัวเหมือนกับลานเริ่มบางตาลง บางคนผ่านการทดสอบและได้รับการคัดเลือกเป็นทหารประจำค่าย บางคนได้รับบาดเจ็บและเดินกลับบ้านพร้อมกับบาดแผลตามตัว แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อลานเลยแม้แต่นิดเดียว ลานยังคงรอให้ถึงตาของเขาต่อไป
และในที่สุด "ลาน!" ชื่อของเขาถูกขานขึ้นโดย มาแร็ค ทหารประจำค่าย
ลานได้เดินเข้าไปในค่าย และมีพบว่ามีคนรอที่จะพบเขาอยู่ถึง 3 คนด้วยกัน
คนแรก "กัปตันอ๊อดฮาน" ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของค่ายทหารรับจ้าง
คนที่สอง "ซีเอร่า" ทหารรับจ้างหญิงที่เป็นผู้สอนเทคนิดการต่อสู้ให้กับเหล่าทหาร
คนที่สาม "กาแลกเกอร์" ทหารรับจ้างชายที่ถือเงินเป็นอุดมคติ
"ยินดีต้อนรับสู่ค่ายทหารรับจ้าง ลาน..." อ็อดฮาน กล่าวต้อนรับลานอย่างอบอุ่น
"ดูเผินๆ เหมือนเธอจะมีประสบการณ์ในการสู้รบมาพอสมควรเหมือนกันนะ" ซีเอร่ากล่าวหลังจากได้สำรวจตัวลานหัวจรดเท้า
"โถ... ซีเอร่า เธอมีพลังจิตรึไง ถึงได้รู้ว่าเจ้าหน้าละอ่อนเนี่ยมีฝีมือ ฉันเห็นมาเยอะแล้วพวกแบบนี้ แต่งตัวทำท่าเป็นมืออาชีพ แต่ถ้าให้ไปเจอของจริงหละวิ่งหนีจนทิ้งคราบทหารกันหมด" กาแลกเกอร์พูดถากถางอย่างไม่เกรงใจ
ซีเอร่าตอบโต้กลับทันทีด้วยเสียงที่โมโห "อย่างกับนายมีฝีมือมากอย่างงั้นแหละ! และยิ่งชอบหลอกใช้ทหารใหม่เพื่อทำงานสกปรกของนายเพื่อให้ได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ฉันไม่ต้องการจะฟังความเห็นจากคนอย่างนายหรอก!"
"อย่าง อย่าง น้อยฉันยังเก่ง...กว่าเจ้าหน้าละอ่อนนี่ละกัน" กาแลกเกอร์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ ติดๆขัดๆ
อ็อดฮานเอามือกุมหน้าผาก บอกกับลานว่า
"อย่าไปสนใจมากเลย ทะเลาะกันประจำ แต่เอาจริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก"
หลังจากนั้น มาแร็คได้เดินตามหลังเข้ามาและเห็นว่า ซีเอร่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจึงเข้าไปถาม ซีเอร่าว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ซีเอร่าได้บอกให้มาแร็คฟัง มาแร็คจึงตัดสินใจพาเธอออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ซีเอร่าไม่ยอมและบอกมาแร็คว่า "ไม่เป็นไร" ด้วยน้ำเสียงฮ้วนๆ ทั้งคู่ต่างยื้อกันไปมาอยู่ซักพัก จนสุดท้าย ซีเอร่า ยอมออกไปกับมาแร็ค ทั้งคู่เดินสวนกับลานออกไปนอกค่ายด้วยกัน ลานยิ้มให้กับซีเอร่า เพราะเขายังจำได้ว่าก่อนที่ทุกคนจะถูกลบความจำนั้น ซีเอร่าได้แอบชอบมาแร็คมาตั้งนานแล้ว
อ็อดฮานได้ถามลานด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น "พร้อมรึยังสำหรับการทดสอบคัดเลือก?"
ลานได้ตอบปฏิเสธกลับไป
"อันที่จริงผมมาที่นี่ไม่ได้เพื่อต้องการจะเป็นทหารรับจ้าง ผมสู้มามากพอแล้วในชีวิตนี้ ผมมาที่นี่เพื่อจะถามคุณว่าคำพยากรณ์ฝ่ายมนุษย์ได้กล่าวไว้ว่าอย่างไร?"
อ๊อดฮานทำหน้าประหลาดใจกับคำตอบของลาน และได้ตอบกลับไป
"เราจะต้องฆ่าเผ่าฟอโมเรี่ยนให้หมดสิ้นเพื่อที่เทพอีรินจะได้เสด็จลงมาเพื่อพาเราไปยังดินแดนที่ ไร้ซึ่งความทุกข์ และความเศร้าโศก"
ลานได้อึ้งไปซักพัก พร้อมกับสีหน้าที่ผิดหวังได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลานและเกิดความสับสนในหัวของเขา
"ทุกอย่างที่เราทำลงไป มิตรสหายที่ต้องตายไป ทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว"
ลานได้ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ติดกับโต๊ะเอกสาร และมองบนโต๊ะที่มีเอกสารกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ลานได้เห็นตรายางสัญลักษณ์ของทหารราชวงศ์ ทำให้เขาได้นึกถึง กวิน ทหารราชวงศ์ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาอีกคนหนึ่ง
"ฮ่า! แค่ได้ยินคำทำนายเรื่องฆ่าฟันถึงกับเข่าอ่อนเลยเรอะ ไอ้หนู?" กาแลกเกอร์พูดโดยที่ยืนค่อมหัวลานอยู่
ลานได้เงยหน้าและจ้องมองกาแลกเกอร์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ และระหว่างนั้นทั้งมาแร็คและซีเอร่าได้เดินกลับเข้ามาในค่ายพอดี
"มีปัญหาหรอไอ้หนู? อยากลองดีกับฉันเหรอ?" กาแลเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ใจ ลานถอนหายใจและลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินออกจากค่ายทหารรับจ้าง แต่กาแลเกอร์ก็ยังไม่วายที่จะพูดจาถากถางต่อ
"นั่นแหละไอ้หนู กลับบ้านไปซะ! ชีวิตนี้แกปกป้องใครไม่ได้หรอก!"
คำพูดเหล่านั้นได้เสียดแทงหัวใจของลานอย่างที่สุด และลานได้ตัดสินใจว่าเขาจะไม่ทนต่อคำดูถูกเหล่านั้นอีกต่อไป
ลานได้หันหลังกลับมาทางที่กาแลกเกอร์ยืนอยู่ และได้พุ่งตัวเข้าไปหากาแลกเกอร์ด้วยความรวดเร็ว บีบคอกาแลกเกอร์อย่างสุดแรงและอัดเข้ากับผนังห้อง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง อ๊อดฮาน มาแร็คและซีเอร่า ต่างตกใจกับการกระทำของลาน ณ ตอนนั้น
เมื่ออ๊อดฮานตั้งสติได้จึงได้เข้าไปห้ามปรามลานแต่ก็ไม่เป็นผล กาแลกเกอร์ยังคงดิ้นทุรนทุรายราวกับจะขาดใจตายคามือของลาน มาแร็คจึงตัดสินใจงัดตัวลานดึงถอยหลังออกมา กาแลกเกอร์ได้สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกับงอตัวอยู่กับพื้นค่าย
อ๊อดฮานได้ต่อว่าลาน
“ช่วยสงบสติหน่อยได้มั้ยลาน! ทุกการกระทำมีผลกระทบทั้งนั้น! อย่าให้ความโกรธครอบงำไม่งั้นนายจะไม่ต่างอะไรจากพวก “ฟอมอเรียน” หรอก!”
“ถ้าเกิดอยากจะสะสางกันมากนักให้ทำการประลองกันดีกว่ามั้ง” ซีเอร่าได้กล่าวด้วยน้ำเสียงยุยง
“ได้! งั้นผมจะประลองกับกาแลกเกอร์ที่สนามประลองในวันพรุ่งนี้” ลานได้ตอบอย่างขึงขัง
หลังจากที่กาแลกเกอร์ขึ้นมายืนได้เป็นปกติได้ชี้หน้า และ บอกกับลานว่า “ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ตั้งตัว ถ้าประลองกันแกเสร็จฉันแน่ไอ้หนู!”
ลานได้เดินออกจากค่ายทันที และเดินกลับไปที่โรงแรมเมื่อเขาได้เปิดประตูเข้ามาในโรงแรมลานได้พบกับ “เอินแมส” ผู้ดูแลโรงแรมที่เขาพักอยู่
“สวัสดีพ่อหนุ่ม หิวมั้ย นี่ก็จะค่ำแล้วนะจะอะไรทานก่อนมั้ย?”
ลานตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่ค่อยหิวครับ”
“อ่า...หรอ อ้อมีจดหมายมาถึงเธอตอนที่เธอไม่อยู่นะ ลุงได้วางไว้บนโต๊ะในห้องของเธอนะ” ...เอินแมส
“ขอบคุณครับ” ลานได้ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า และเดินขึ้นห้องของตนเองไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ลานได้เดินไปที่โต๊ะในห้องของเขาและหยิบจดหมายซองที่วางอยู่และดูที่จ่าหน้าซองปรากฏว่าไม่มีชื่อผู้ส่ง มีเพียงคำเขียนที่ข้างหน้าซองว่า “ลาน” เพียงคำเดียวเท่านั้น
ลานได้นั่งลงพร้อมกับเร่งไฟในตะเกียงบนโต๊ะ และได้เปิดซองออกเพื่อนอ่านข้อความในจดหมายฉบับนั้น สิ่งที่ลานสังเกตุได้อย่างแรกในจดหมายฉบับนี้คือ จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนด้วยลายมือของ “ทีฟ” ถึงแม้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถโกหกตัวเขาเองได้กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ลานได้ค่อยๆอ่านข้อความในจดหมายอย่างช้าๆ
“ลาน... สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนถูกกำหนดโดยโชคชะตาและพรหมลิขิต เธอไม่สามารถแก้ไขอะไรอดีตได้ แต่เธอสามาถกำหนดอนาคตเองได้ เพราะฉะนั้นจงก้าวต่อไป ได้โปรดใช้ชีวิตต่อไปอย่างน้อยเพื่อฉันและคีแกน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ลาน และซักวันเราจะได้พบกัน...ทีฟ”
เมื่อลานได้อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ น้ำตาได้ค่อยๆไหลลงออกจากตาลงไปยังที่แก้มของเขา พร้อมกับมีความหวังที่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พบทีฟและคีแกนอีกครั้งหนึ่ง
ลานจึงรีบลุกออกจากโต๊ะ เดินออกจากห้องและได้เดินเข้าไปในห้องเก็บหนังสือประจำของทีฟในโรงแรมเขาได้เริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับเครื่องรางและเวทย์มนต์อยู่ทั้งคืน และได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับ “คริสตัลแห่งความทรงจำ” คริสตัลที่สามารถคืนความทรงจำที่ได้ลืมไปให้กับใครก็ตามที่ได้ถือและจ้องที่คริสตัลเม็ดนี้ หลังจากลานได้อ่านถึงคุณสมบัติของเครื่องรางชิ้นนี้ ลานจึงมีความหวังว่าสามารถใช้เครื่องรางชิ้นนี้เรียกความทรงจำของทีฟและคีแกนกลับมาได้ แต่เขาไม่รู้ถึงที่มาหรือข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลชนิดนี้เลย ลานจึงนั่งคิดอยู่สักครู่ว่าเขาควรจะถามข้อมูลนี้จากใคร และไม่นานลานก็นึกออกว่าเขาสามารถถามใครได้ที่มีความสนใจในสิ่งของที่มีมูลค่า... “กาแลกเกอร์” นั่นเอง
และแล้วเมื่อถึงเวลาการประลองระหว่างลาน,กาแลกเกอร์ ทั้งคู่ได้ทำการเลือกอาวุธที่ตนถนัด
โดยที่ลานได้เลือกหอกไม้คู่ ส่วนกาแลกเกอร์ได้เลือกดาบไม้ จากนั้นทั้งคู่ได้เดินเข้าที่เวทีประลองพร้อมที่จะต่อสู้เมื่อได้รับสัญญาณ กาแลกเกอร์ได้พูดกับลานพร้อมกับชี้ปลายดาบมาที่ลาน “ฉันจะสั่งสอนแกให้รู้จากที่ต่ำที่สูงเอง ไอ้หนู”
และทันทีที่เสียงเป่าแตรได้ดังขึ้น กาแลกเกอร์ได้กระโจนเข้าหาลานอย่างไม่รีรอและเหวี่ยงดาบไม้เล็งไปที่คอ หวังว่าจะสามารถชนะได้ด้วยเพียงดาบเดียว ลานได้ฉีกหลบออกทางซ้ายและศอกเข้าที่หัวของกาแลกเกอร์ ฟาดหอกเข้าที่บ่าข้างซ้าย และถีบส่งกาแลกเกอร์ กาแลกเกอร์ได้ล้มลงไปกับพื้น
จากนั้นลานได้พูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอา แกตายหรอก เพราะฉันยังต้องการข้อมูลจากแก”
“ข้อมูลอะไรฉันไม่บอกแกหรอกเว้ย” กาแลกเกอร์ตอบกลับพร้อมกับทรงตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง
“คริสตัลแห่งความทรงจำ แกรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง” …ลาน
“ถ้าอยากได้อะไรจากฉันแกต้องจ่ายให้ฉันงามๆเว้ย ไอ้หนู!” …กาแลกเกอร์
“งั้นตาฉันบ้างหละ” ลานได้ควงหอกไม้และปั่นเป็นพายุหมุนมุ่งตรงเข้าหากาแลกเกอร์
กาแลกเกอร์ได้ตัดสินใจฟันสวนเข้าไประหว่างที่ลานกำลังปั่นเข้าหาตัวเขา และทำให้กาแลกเกอร์โดนหอกไม้ฟาดเข้าตรงจุดสำคัญของส่วนท้องเข้าอย่างจัง และลานได้ใช้การโจมตีที่เร็วราวกับสายฟ้าต่อเนื่องจากการโจมตีเข้าจุดสำคัญ กาแลกเกอร์ได้ลอยกระเด็นถอยหลังและลงไปนอนจุกอยู่กับพื้น
ลานได้โยนหอกไม้ของเขาทิ้ง เดินเข้าฉกคอเสื้อแกแลกเกอร์ ต่อยหน้าซ้ำอย่างจัง และถามกาแลกเกอร์อีกครั้ง
“บอกมาซะ คริสตัลแห่งความทรงจำแกรู้อะไรบ้าง!” …ลาน
“แหมๆ มันติดอยู่ที่ปลายลิ้นนี่แหละ บอกไม่ได้...” กาแลกเกอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กวนๆ
ลานได้หมดความอดทนต่อคำพูดของกาแลกเกอร์ จึงได้ชักกริชที่ซ่อนอยู่ในเข็มขัดด้านหลังของเขาออกมาพร้อมกับบีบแก้มของกาแลกเกอร์เพื่อให้อ้าปาก และพูดว่า
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยเอาออกให้”
ด้วยความกลัวกาแลกเกอร์พยายามที่จะดิ้นเอาตัวหนีออกมา แต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะสู้ลานได้ ลานได้กรีดกริชลงบนที่หมวกป้องกันของกาแลกเกอร์อย่างช้าๆ และถามเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย... คริสตัลแห่งความทรงจำแกรู้อะไรบ้าง บอกมาให้หมด!”
กาแลกเกอร์รีบตอบจนหมดเปลือกด้วยความกลัว
“เท่าที่ฉันรู้คือมันคืนความทรงจำได้ และ มันอยู่อีกฟากของเกาะ มาลิน่า ที่มีแต่ทะเลทรายซึ่งถูกเฝ้าโดยทหารและยมฑูต”
“เท่าที่ฉันรู้คือมันคืนความทรงจำได้ และ มันอยู่อีกฟากของเกาะ มาลิน่า ที่มีแต่ทะเลทรายซึ่งถูกเฝ้าโดยทหารและยมฑูต”
“ฉันรู้แค่นี้แหละปล่อยฉันไปเถอะ!” กาแลกเกอร์พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
ลานพอใจกับข้อมูลที่ได้จากกาแลกเกอร์ เขาจึงปล่อยกาแลกเกอร์ให้นอนอยู่กับพื้นลานประลองอยู่อย่างนั้น และเดินออกจากลานประลองพร้อมกับชัยชนะ
ลานได้เดินทางกลับมาถึงที่โรงแรม และ รีบกลับขึ้นห้องของเขาไปเพื่อจัดของเตรียมออกเดินทาง จนไม่ทันได้ทักทายใครเลย ในคืนนั้นเขาได้หยิบหนังสือบันทึกเรื่องราวที่เขาคอยเขียนทุกครั้งที่เขากลับถึงห้องขึ้นมาอ่านว่าเขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง และเมื่อถึงหน้าสุดท้ายที่ได้เคยเขียนไว้ เขาได้พลิกไปยังหน้าสุดท้ายของหนังสือและลงบันทึกไว้ว่า
“ฉันจะก้าวต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะตอนนี้ฉันได้มีจุดหมายที่จะทำให้ฉันสู้ต่อไปได้อีกครั้งหนึ่ง”
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ลานได้เดินลงมาพร้อมกับสัมภาระแบกไว้ที่ข้างหลังของเขา ในมือได้ถือหนังสือบันทึกของเขา เมื่อเซียนน่าได้เห็นลานแบกสัมภาระของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้หายไปพร้อมกับถามกับลานว่า “เธอจะไปไหนหรอลาน?”
“ผมจะออกเดินทางไปที่เกาะมาลีน่า ผมจะไปช่วยเหลือเพื่อนคนสำคัญของผม” ...ลานตอบพร้อมกับยื่นหนังสือบันทึกของเขาให้กับเซียนน่า
“ผมรบกวน คุณเซียนน่า ช่วยเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ที่ห้องเก็บหนังสือด้วยนะครับ เผื่อจะมีใครบางคนอยากที่จะอ่านมันหนะครับ”
เซียนน่า ยิ้มตอบ รับหนังสือบันทึกจากลานและกล่าวคำอำลา “โชคดีนะลาน”
ลานกล่าวขอบคุณและเดินออกจากโรงแรมและเดินไปที่ท่าเรือเพื่อที่จะขึ้นเรือไปยังเกาะมาลีน่า
“คุณต้องการจะไปที่ไหนครับ?” …กัปตันเรือถาม
“ไปที่เกาะมาลิน่าครับ” ...ลาน
“พอดีเลย เรากำลังจะออกเรือใน 5 นาที” …กัปตันเรือตอบ
ลานได้จ่ายเงินให้กับกัปตัน, เดินขึ้นเรือ และ วางสัมภาระของเขาลง ในระหว่างนั้นเรือได้เริ่มแล่นออกจากท่าเรือของหมู่บ้านโคลเฮนและมุ่งหน้าไปยังเกาะมาลีน่า ลานได้ยืนอยู่ที่หัวเรือ และได้หยิบรูปของทีฟขึ้นมาดู
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน...อันตรายแค่ไหน...แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน ยังไงฉันจะช่วยพวกเธอทั้ง 2 คนให้ได้ ทีฟ...คีแกน...” ...ลาน
ในอนาคตไม่รู้ว่าจะมีอุปสรรค และ อันตรายอะไรที่รอลานอยู่ข้างหน้า แต่ลานจะไม่มีวันยอมให้อะไรมาขัดขวางเขาเด็ดขาด เพราะลานเชื่อว่านี่คือ
“โชคชะตา และ พรหมลิขิต” ของเขา